นวนิยาย เรื่อง SAKARA : ข้ามจักรวาลมาหารัก ตอนที่5
เรื่อง SAKARA : ข้ามจักรวาลมาหารัก
ตอนที่ 5 ชายในเงามืด
ตอนที่ 5 ชายในเงามืด
ดวงใจ รัตติยา
แสงตะวันทอเป็นประกายสีเหลืองอมส้ม เหล่าฝูงนกที่ออกบินพเนจรตั้งแต่เช้าก็เริ่มบินโบกโบยกลับคืนสู่รังนอน เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าวันอาทิตย์วันหยุดสุดสัปดาห์ได้สิ้นสุดลงแล้ว เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเป็นวันจันทร์วันแรกของการเรียนการสอน สัปดาห์นี้คงเป็นสัปดาห์ที่สุดแสนคฤโหดของนักศึกษาหลายคนที่ชอบดองงานไว้ พวกดินพอกหางหมูก็คงต้องนั่งปั่นงานเป็นระวิงไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน เพราะงานทุกอย่างทุกวิชาอาจารย์ให้ส่งภายในอาทิตย์นี้ให้เรียบร้อยก่อนที่จะไปเตรียมตัวสอบปลายภาคในอีกสัปดาห์ต่อไป แต่สำหรับนัยนาแล้วไม่ต้องมานั่งทำงานอดหลับอดนอนข้ามคืนข้ามวันเป็นอัจฉริยะเพียงคืนเดียว เพราะไม่ว่างานไหนๆ เมื่ออาจารย์สั่งเธอก็จะรีบทำให้เสร็จโดยทันที ดังนั้นเธอจึงเป็นที่พึ่งชั้นดีให้กับเพื่อนๆทุกคนในยามคับขัน งานไฟล้นตูดเช่นนี้
ในเวลาสามทุ่มของคืนวันอาทิตย์ วิชิตเพื่อนชายที่ชอบมาขอความช่วยเหลือจากนัยนา เรื่องงานที่เขาเก็บสะสมเอาไว้มาตั้งแต่ต้นเทอมและต้องมารีบเร่งทำให้เสร็จพร้อมที่จะส่งตามเวลาที่อาจารย์กำหนด นัยนาจึงเป็นที่พึ่งสำคัญของเขาที่จะทำให้งานนั้นออกมาดี
วิชิตซึ่งอยู่หอพักตรงกันข้ามกันกับหอพักของนัยนา ได้เดินข้ามถนนมาหานัยนาเพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องบทความ ในวิชาวรรณคดีนิทานที่จะต้องส่งพรุ่งนี้ตามกำหนด
ท่ามกลางความมืด คืนวันเดือนแรมที่ไร้ดวงจันทร์ส่องสว่าง มีเพียงดวงดาวไม่กี่ดวงที่ทอแสงอยู่บนท้องฟ้าสีดำให้พอมีแสงสว่างประดับท้องฟ้า แสงสลัวๆจากไฟฟ้ารัฐบาลที่ติดอยู่ริมข้างทางสายเปลี่ยว ในยามนี้ก็ไร้ผู้คนสัญจร ลมพัดใบไม้โบกสบัดพัดไปมา ใบไม้เต้นระบำเคล้ากับเสียงเพลงจากจิ้งหรีดที่กรีดเสียงร้องระงม น้ำค้างพรั่งพรายกลายเป็นหยาดน้ำชโลมร่างกายให้หนาวสั่น ภายใต้ความืดสลัวความกลัวจึงบังเกิดขึ้นกับชายหนุ่ม เมื่อเหลียวไปเห็นเงาตะคุ่มๆ ดุ่มเดินอยู่ที่ริมรั้ว ใครกันออกมาเดินเล่นในคืนที่หมอกลงเช่นนี้ วิชิตรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีเดินเข้าไปดูใกล้ๆ มองให้ชัดเจนกระจ่างแก่ใจว่านั้นคนหรอผี วิชิตเดินไปหลบอยู่ที่หลังต้นมะม่วง เขาไม่ใช่คน เขาไม่ใช่ผี เขาเป็นปีศาจ ชายตาแดงกำลังก้มเลียกินน้ำค้างบนใบหญ้าอ่อนพร้อมมองไปที่ผิวดำกร้านของเขา ผิวหนังสีดำกลับเป็นผิวขาวได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขากลับกลายมาเป็นหนุ่มหล่อผิวขาวเหมือนเดิมแล้ว วิชิตรีบนำเรื่องนี้ไปบอกกับนัยนา
"นัยนา นัยนา ฉันมีเรื่องด่วน รีบเปิดประตูๆ" วิชิตเรียกนัยนาด้วยน้ำเสียงร้อนร้นใจพร้อมกับเคาะประตูเสียงดังลั่นหอพัก
"มีเรื่องรีบร้อนอะไร เบาๆหน่อยรบกวนคนอื่นเขา" นัยนาเปิดประตูออกมาพร้อมกับทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจกับการกระทำของวิชิต
"มาดูนี่เร็ว" วิชิตพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพร้อมกับดึงแขนนัยนาอย่างแรง นัยนาสะบัดแขนออก วิชิตรีบคว้าแขนของนัยนาและพูดว่า "ฉันจะพาเธอไปให้เห็นกับตาว่าซาการ่ามันเป็นปีศาจ มันไม่ใช่คน" นัยนาทำหน้าสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรปล่อยให้วิชิตพาเธอเดินไปจนถึงบันได ซาการ่าก็เดินขึ้นมาพอดี
"นายไปอะไรมา" นัยนามองไปที่ซาการ่าและทำหน้าสงสัย
"ผมไปเดินเล่นข้างล่างมาครับ อากาศมันดี เผื่อจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง"ซาการ่าพูดพร้อมกับยิ้มหวานให้นัยนา
"นายโกหก นายมันเป็นปี...." วิชิตพูดตอบกลับซาการ่า แต่ยังพูดไม่จบเพราะโดนนัยนาพูดตัดขึ้นเสียก่อน "นายรีบไปพักผ่อนเถอะ ฉันก็จะไปทำงานแล้ว ราตรีสวัสดิ์นะ" นัยนาพูดพร้อมกับมองไปที่แขนขาวๆของซาการ่าอย่างแปลกใจ เพียงไม่กี่ชั่วโมงจากผิวที่ดำกร้านกลับกลายเป็นซาการ่าคนเดิมที่ผิวขาวสว่างใส นัยนามองอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร และหันหลังเดินกลับห้องไป มีวิชิตเดิมตามหลังไป
ภายในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวเล็กๆ บรรยากาศภายในห้องช่างร้อนระอุต่างกับบรรยากาศข้างนอกห้องที่เย็นเฉียบ หญิงสาวอยู่ในห้องกับชายหนุ่มสองต่อสอง
"มันเป็นปีศาจจริงๆนะ ผมเห็นมันกินน้ำค้างบนใบหญ้า แล้วจู่ๆผิวดำของมันก็กลายเป็นผิวขาวทันทีเลย คุณอย่าไปยุ่งกับมันนะ คุณไล่มันออกไปเลยก็ได้ ถ้าให้มันอยู่กับพวกเรานานๆผมเกรงว่ามันจะเกิดอันตรายต่อพวกเรา" วิชิตเล่าอย่างตื่นเต้น และกังวลใจ นัยนานิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ จนวิชิตต้องสะกิดให้นัยนาออกมาจากภวังค์นั้น "คุณเป็นอะไรหรือเปล่า"วิชิตพูดอย่างอ่อนโยน
"ฉันไม่ได้เป็นอะไร เรามาเริ่มทำงานกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทันส่งพรุ่งนี้"นัยนาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ทั้งสองนั่งทำงานด้วยกัน อย่างเงียบๆ มีเพียงเสียงพัดลมที่หมุนอยู่บนเพดาล จนงานเสร็จก็จวนจะใกล้เช้า วิชิตก็กลับห้องไป ส่วนนัยนาก็อาบน้ำมานอน แต่ก็นอนไม่หลับเพราะเธอยังคิดถึงเรื่องที่วิชิตเล่าให้เธอฟัง หรือว่าซาการ่าจะไม่ใช่คนแต่เป็นปีศาจอย่างที่วิชิตพูดไว้จริงๆ เธอรู้สึกสับสนอย่างมาก คิดและคิดอีกจนทำให้เธอเผลอหลับไปพร้อมกัความคิดที่คาใจ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น